Monday, July 22, 2013

Review : สมุนไพรล้างพิษลำไส้ : Herbal Cooling Healthy & Detoxification (รักษาสิว)


             ในเวลานี้ ไม่ว่าใครต่างก็สนใจดูแลสุขภาพจากภายในทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทานวิตามินซี การทานอาหารเสริม คอลลาเจน เยอะแยะมากจนมึน งง กันไปหมด แต่ลืมไปว่าสิ่งที่ทานเข้าไปนั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ เป็นอันตรายต่อตับ หัวใจ ไต รึเปล่า นุชาจึงพยายามหาสมุนไพรที่ช่วยในการดูแลสุขภาพมาตลอด จนเจอ สมุนไพรล้างพิษลำไส้ และเมือกมัน ตัวนี้แหละ ราคาไม่แพงด้วยครับ ซึ่ง นุชาได้ทราบข้อมูลจาก แม่ของนุชาเองนะครับ เพราะท่านทานอยู่และจึงได้แนะนำมา ว่า สูรนี้เวิร์คจริงๆ ทดลองทานกันทั้ง คุณพ่อ คุณแม่เลย นุชาจึงเชื่อมั่นว่าดีจริงๆ ถ้าไม่ดีจริง คุณแม่คงไม่ยืนยันขนาดนี้เพราะคุณแม่ไม่ค่อยชอบทานสมุนไพร แม้นุชาจะบังคับให้ทานก็ตามครับ ลองรับชมรีวิวด้านล่างดูนะครับ


           สมุนไพรที่ว่ามีสูตรดังนี้นะครับ : มะขามแขก เก็กฮวย พุทรา กระเจี๊ยบ ใบเตย ซึ่งแต่ละตัวยาเท่าที่นุชสศึกษามาเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นทั้งหมดครับ แต่สูตรนุชาไม่ทราบนะครับว่าอย่างไหนอัตราส่วนเท่าไหร่ เพราะเป็นภูมิปัญญาที่เป็นสูตรเฉพาะที่ลงตัว ซึ่งนุชาเคยซื้อแต่ละตัวมาทำเอง แต่ไม่เหมือนกันครับ

          ประโยชน์โดยรวม : ทำความสะอาดลำไส้ ขับเมือกมันลงสู่ทวารหนัก ดับพิษร้อน ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดอัตราการเต้นของหัวใจ
          ** หญิงและสตรีมีครรภ์และเป็นประจำเดือนห้ามรับประทาน

           วิธีใช้ : ล้างน้ำให้สะอาด นุชาล้างประมาณ 2 น้ำ แล้วใส่หม้อ เติมน้ำ 2-5 ลิตร เคี่ยวนาน 15-20 นาที จนสีสมุนไพรออกมาจะมีกลิ่นหอมมาก แล้วจึงแยกกาก สามารถเติมน้ำตาลกรวด หรือ น้ำตาลทรายแดงได้ (ลองชิมดูก่อนก้ได้ครับ รสชาติหวานอร่อยมากไม่ต้องเติมก็ได้ครับ)



Review :





จากนุชา :

ระบบขับถ่าย :
หลังจากที่นุชาทานติดต่อกัน 2 สัปดาห์นะครับ ช่วงแรก 1-2 จะถ่ายหนักมากคือไม่รู้ว่าอุจระมาจากไหน กลิ่นแรงมากครับ สีไม่สวยเลย อยากถ่ายภาพมานะแต่กลัวรับไม่ได้ นุชาทดลองทานแค่ตอนเย็นเพียงแค่ 1 แก้ว แต่จะถ่ายได้ในช่วงตี 5 ครับ ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยครับ

ภาวะร้อนใน :
ก่อนหน้านี้นุชาเป็นร้อนในจากการนอนดึก เมื่อได้ทานสมุนไพรตัวนี้หายไปเลยจ็อทมากครับ

สิว :
ส่วนตัวนุชาคิดว่าจะช่วยรักษาสิวที่เกิดจากสารพิษตกค้างจากปัญหาระบบภายใน  ด้านระบบลำไส้ได้ดีมากทีเดียวครับเพราะมีสมุนไพรหลายๆ ตัวที่ช่วยขับสารพิษออกมาได้อย่างลงตัวครับ ทั้งนี้สิวจะดีขึ้นได้ขึ้นอยู่กับการปรับการทานอาหารด้วยไม่ใช่แค่ทานตัวนี้เพียงตัวเดียวครับ ตัวไม่ขับพิษแบบรุนแรงหรือระเบิดทั้งหน้าครับเพราะสมุนไพรที่ใช้ไม่ได้แรงขนาดนั้นครับ

ระดับความพึงพอใจ :
เต็ม 10 นุชาให้ 9.5 ครับ เพราะราคาไม่แพงหาซื้อยากหน่อย แต่สรรพคุณเวิร์คมาก



จากคุณแม่นุชา :
คุณแม่คือผู้ที่แนะนำนุชาให้ลองทานเลยครับ เพราะท่านทานแล้วได้ผลดีมากอย่างที่นุชากล่าวไปข้างต้นนะครับ เหตุผลที่คุณแ่ม่แนะนำเพราะนุชานอนดึก ขับถ่ายไม่ค่อยออกเป็นเวลา (แอบบ่นให้ท่านฟัง อิอิ) ท่านบอกว่าทาน 5 วันแรก เวลาถ่ายออกมา สังเกตุที่ชักโครกจะมีคราบไขมันติดออกมาเต็มเลย ทั้งๆ ที่ท่านทานมังสวิรัสก็มีไขมันออกมามาก อาจเพราะชอบทานอาหารมันๆ ด้วยครับ ส่วนเรื่องน้ำหนักท่านบอกว่าไม่ได้ลดน้ำหนักอะไรมาก แต่สามารถทำให้ร่างกายดูดีขึ้นแบบลดทั้งสัดส่วนและน้ำหนักจะค่อยๆ ลดลงด้วย นุชาบันทึกเสียงท่านมาด้วยนะครับ ขอเวลาเอาลงก่อนนะครับ


จากพี่สาวนุชา (พี่นุช) :
พี่สาวนุชา เป็นสาวที่มีรูปร่างอวบออกจะไปทางอ้วนแล้ว คือถ้านุชามีสมุนไพรอะไรออกมา ไม่ว่าจะอะไร นางก็จะทดลองด้วย และเป็นสมุนไพรอีกตัวที่นางคอนเฟริมว่าได้ผลจริงๆ เรื่องระบบขับถ่ายและการขับสารพิษออกจากร่างกายในราคาประหยัด

จากแฟนพี่สาวนุชา (พี่คม) :
เป็นอีกคนที่ระบบขับถ่ายดีมากที่สุดในบ้าน เขาจะเข้าห้องน้ำบ่อยและเป็นเวลามาก นุชา ขอยอมแพ้ครับ คือพี่คมก็ได้ทดลองทานเหมือนกันครับ โดยทานแค่มื้อเย็น โดยพี่สาวนุชาบังคับให้ทานครับ คือเป็นคนธาตุอ่อนอยู่แล้วแต่ทานก็ไม่ได้รุนแรงมากนะครับ ถ่ายออกมาเป็น พวงๆ จนต้องแวะปั้มน้ำมันกันเลยทีเดียว

จากลูกค้า :












มาดูสมุนไพรแต่ละตัวกันนะครับ



"บรรจุภัณฑ์นะครับ ใสสะอาด"


'สมุนไพรโดยรวม มี 5 ตัวครับ"


พุทรา (Chinese date)

สรรพคุณทางยา :
           พุทรามีสรรพคุณในการเป็นยาบำรุงเลือดและบำรุงร่างกายเนื่องจากภายในผลของพุทรานั้น จะประกอบไปด้วยวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีโปรตีน น้ำตาล และวิตามินบี-2 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ ผลจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่รับประทานผลพุทราเป็นประจำจะสามารถหลีกเลี่ยงต่ออาการผนังเส้นเลือดแข็งตัว การมีปริมาณคอเลสเตอรอลภายในร่างกายสูง ผนังเส้นเลือดหัวใจตีบตัน หรือเส้นเลือดในสมองแตก พุทราก็ยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงระบบประสาท และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับอีกด้วย

ตำรับยาแผนโบราณ :
          หากนำเอาผลพุทราจีนมาคั่วจนสุก แล้วบดรวมกับขิงที่คั่วจนสุกแล้วดื่มแทนน้ำชาเป็นประจำ ก็สามารถที่จะป้องกันอาการท้องร่วงได้เช่นเดียวกับการนำเอาผลพุทรามาต้มรวมกับสมุนไพรบางชนิดแล้ว ก็สามารถที่จะนำมาใช้เป็นยาบำรุงของสตรีเพื่อบรรเทาอาการเลือดลมผิดปกติได้ หรือนำเอาผลพุทรามาต้มกับน้ำดื่มติดต่อกันเพื่อบรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วหากนำเอาผลพุทราแห้งมาปิ้งกับไฟแล้วชงดื่มกับน้ำ ก็จะช่วยบรรเทาอาการไอได้เป็นอย่างดี


มะขามแขก

               มะขามแขก มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษคือ Senna มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Senna alexandrina  P. Miller หรือCassia angustifolia มีประวัติการนำมาใช้เป็นยาระบายมานานเกือบ 100 ปี ในใบและฝักมะขามแขก มีสารที่ชื่อ แอนทราควิโนน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ทำให้ถ่ายท้องได้ (อ้างอิงที่ 2) มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากรองรับสรรพคุณของมะขามแขก ดังนี้

1.  ด้านสารสำคัญในการออกฤทธิ์เป็นยาถ่าย
มีการศึกษาพบฤทธิ์เป็นยาถ่าย สารที่ออกฤทธิ์ คือ sennoside A และ B, aloe emodin, dianthrone glycoside ซึ่งเป็น anthraquinone glycoside สาร anthraquinone glycoside จะยังไม่มีฤทธิ์เพิ่มการขับถ่ายเมื่อผ่านลำไส้เล็ก เมื่อผ่านเข้าไปในลำไส้ใหญ่   Sennoside A จึงถูก hydrolyze ได้ sennoside A-8-monoglucoside   และถูก hydrolyzed โดย bata-glycosidase จากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ และอุจจาระได้แก่ Bacillus, E. Coli ได้ sennidin A   ส่วน sennoside B ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยกระบวนการเช่นเดียวกันได้ sennidin B   ทั้ง sennidin A & B จะเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้ และถูกเปลี่ยนต่อไปเป็น rheinanthrone   ซึ่งออกฤทธิ์ต่อลำไส้ส่วน colon โดยตรง สารสำคัญนี้จะกระตุ้นกลุ่มเซลล์ประสาทซึ่งอยู่ใต้ชั้น Submucosa ทำให้เกิดการบีบตัวของลำไส้ (อ้างอิงที่ 3)

2.  ฤทธิ์ในการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
มีผู้พบฤทธิ์กระตุ้นลำไส้ใหญ่ (อ้างอิงที่ 3) และมีการศึกษาในอาสาสมัคร 12 คน โดยให้ดื่มชาชงมะขามแขก เปรียบเทียบกับการรับประทานยา erythromycin  จากนั้นทำการถ่ายภาพลำไส้ใหญ่ด้วยวิธี Magnetic Resonance Imaging (MRI) ก่อนและหลังได้รับชาชงหรือยา  พบว่ากลุ่มที่ได้รับชาชงมะขามแขกจะทำให้ลำไส้ใหญ่ส่วน colon มีการเคลื่อนไหวมากกว่ากลุ่มที่ได้รับ erythromycin อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (อ้างอิงที่ 3, 4)

3.  การทดลองทางคลินิกสำหรับใช้รักษาอาการท้องผูก
มีการศึกษาในผู้ป่วยหลังผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ที่มีอาการท้องผูกจำนวน 92 คน อายุระหว่าง 43-82 ปี โดยให้ผู้ป่วย 61 คน รับประทานยาแคลเซียมเซนโนไซด์ ซึ่งเป็นแคลเซียมฟอร์มของเซนโนไซด์จากใบมะขาม แขกที่ใช้เป็นยาระบาย ขนาดเม็ดละ 15 มก.  2 เม็ด ก่อนนอนทุกคืน หลังผ่าตัดในวันที่ 1 และให้รับประทานติดต่อกันจนถึงวันที่ 7 หลังการผ่าตัด  และคนไข้อีก 31 คน เป็นกลุ่มควบคุม ไม่ได้รับยาระบายใดๆ  พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยาแคลเซียมเซนโนไซด์  ถ่ายอุจจาระคล่องตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 4 หลังรับประทานยา คิดเป็นร้อยละ 90  การถ่ายอุจจาระเฉลี่ยวันละ 1.23 ครั้ง/คน  ส่วนกลุ่มควบคุมมีเพียงร้อยละ 19 เท่านั้น ที่ถ่ายอุจจาระคล่อง  สัดส่วนของการถ่ายอุจจาระคล่องในผู้ป่วยที่รับประทานยาแคลเซียมเซนโนไซด์ มากกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (อ้างอิงที่ 3)
      


เก็กฮวย

สรรพคุณ :
  1.  ใช้เป็นเครื่องดื่ม ทั้งร้อนและเย็น มีประโยชน์ช่วยดับพิษร้อน แก้ร้อนในกระหายน้ำ ดับพิษร้อนในตัว 
  2. เป็นยาระงับอาการปวดศีรษะ ไข้หวัด 
  3. เป็นยาเจริญอาหารช่วยระบบย่อย ขับลมในลำไส้ 4. บำรุงประสาทและสายตา 5. แก้โรคนิ่ว โรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง วัณโรค 6. ใช้เป็นยาแก้ปวดท้องและยาระบายได้อีกด้วย 7. ช่วยฆ่าเชื้อโรค แก้อักเสบ 8. บำรุงระบบการไหลเวียนเลือด ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า 9. ลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด บำบัดเส้นเลือดหัวใจตีบตันและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 10. ต้นเก๊กฮวยผสมกับพริกไทยดำรักษาโรคโกโนเรีย ถ้าสกัดเอาน้ำจากต้นสด ช่วยลดอาการอักเสบ 11. สำหรับแผลเป็นหนองใช้ดอกเก๊กฮวยสดมาตำพอกไว้ที่แผลสักครู่แล้วเช็ดออก ทำวันละ 2 -3 ครั้ง 12. ใช้ใบและลำต้นเป็นยาทาภายนอกแก้แผลน้ำร้อนลวก และโรคผิวหนัง แก้อาการช้ำบวม เป็นต้น


สารสำคัญ :

          เก๊กฮวยหรือเบญจมาศหนู มีน้ำมันหอมมระเหย และมีรสขม ส่วนพันธุ์เบญจมาศสวน มีน้ำมันหอมระเหยและมีสารฝาดสมาน น้ำสีเหลืองของดอกส่วนใหญ่เป็นสารจำพวกคาโรทีนอยด์ (Carotenoids) ดอกของเก๊กฮวยมีสารพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) กรดอะมิโน (AminoAcid) สารไครแซนทีมิน(Chrysanthemin) สารอะดีนีน (Adenine)โคลีน (Choline) สตาไคดรีน (Stachydrine) และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และจากงานวิจัยยังพบว่าสารสกัดจากเก๊กฮวยมีคุณสมบัติยับยั้งไวรัสเอดส์



ใบเตยหอม

                 สารกลุ่ม anthocyanin มาที่สรรพคุณสุดแสนจะน่าอัศจรรย์ของเตยหอมกันบ้าง นอกจากจะนำ "ใบ" มาใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแล้ว ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ยังพบว่า "เตยหอม" มีฤทธิ์ทางยาด้วย เช่น

               ใบ ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ เพราะใบเตยมีฤทธิ์ลดอัตราการเต้นของหัวใจ จึงช่วยบำรุงหัวใจได้อย่างดี วิธีรับประทานคือ ใช้ใบสดผสมในอาหาร แล้วรับประทาน หรือนำใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ ๒-๔ ช้อนแกง ช่วยดับกระหาย เนื่องจากใบเตยมีกลิ่นหอมเย็น หากนำมาผสมน้ำรับประทาน จะช่วยดับกระหาย คลายร้อน ทานแล้วรู้สึกชื่นใจ และชุ่มคอได้เป็นอย่างดี วิธีรับประทานคือ นำใบเตยสดมาล้างให้สะอาด นำมาตำหรือปั่นให้ละเอียด แล้วเติมน้ำเล็กน้อย คั้นเอาแต่น้ำดื่ม รักษาโรคหัด หรือ โรคผิวหนัง โดยนำใบเตยมาตำแล้วมาพอกบนผิวใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ

           ใช้ใบสดไม่จำกัดผสมในอาหาร ทำให้อาหารมีรสเย็นหอม รับประทานแล้วทำให้หัวใจชุ่มชื่น หรือเอาใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ ๒-๔ ช้อนแกง ใช้เป็นยาแก้เบาหวาน ใช้ราก ๑ กำมือ ต้มน้ำดื่มเช้าเย็น

            รากและลำต้น ใช้รักษาโรคเบาหวาน เพราะรากและลำต้นของเตยหอมนั้น มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด วิธีรับประทานก็คือ ใช้ราก ๑ กำมือนำไปต้มเป็นน้ำดื่ม ทุกเช้า-เย็น ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ โดยการนำต้นเตยหอม ๑ ต้น หรือราก ครึ่งกำมือ ไปต้มกับน้ำดื่ม นอกจากนี้ เตยหอม ยังช่วยแก้อ่อนเพลีย ดับพิษไข้ และชูกำลังได้อีกด้วย เห็นสรรพคุณมากมายขนาดนี้แล้ว ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับเจ้าพืชสีเขียวใบเรียวชนิดนี้




ดอกกระเจี๊ยบ 

              ดอกกระเจี๊ยบ มีสารสีแดงกลุ่มแอนโธไซยานิน เรียกว่า ไฮบิสซิน (Hibiscin) ไซยานิดิน-3-แซมบูบิโอไซด์และเดลฟินดิล-3-แซมบูบิโอไซด์ น้ำต้มดอกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และมีฤทธิ์ลดความดันเลือดด้วย ดอกกระเจี๊ยบสดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าดอกกระเจี๊ยบแห้ง

              มีรายงานในสัตว์ทดลองว่า หนูที่ได้รับน้ำคั้นดอกกระเจี๊ยบสดและดอกกระเจี๊ยบแห้งมีการทำงานของเอ็นไซม์กำจัดสารพิษในตับสูงกว่าหนูกลุ่มควบคุม เมื่อการทดลองให้น้ำคั้นดอกกระเจี๊ยบสดและดอกแห้ง หนูทดลองที่ได้รับสารก่อมะเร็งพบว่า กลุ่มที่ได้รับกระเจี๊ยบมีเซลล์เริ่มก่อมะเร็งต่ำกว่ากลุ่มควบคุมเกินร้อยละ 50 น้ำคั้นดอกกระเจี๊ยบสดและดอกกระเจี๊ยบแห้งจึงอาจใช้ในการเสริมสร้างสุขภาพได้

              ผลสตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ และเมล็ดทับทิม มีแอนโธไซยานินหลัก 2 ชนิด คือ ไซยานิดิน-3-กลูโคไซด์และเพลาโกไนดิน-3-กลูโคไซด์

              งานวิจัยพบว่า ไซยานิดิน-3-กลูโคไซด์กระตุ้นการทำงานของยีน เอ็นไซม์ของเซลล์ผนังหลอดเลือดสร้างสารไนตริกออกไซด์ซึ่งทำให้ความคาดหวังว่า การบริโภคแอนโธไซยานินดังกล่าวควรจะแก้ไขปัญหา ที่เกิดกับเซลล์บุผนังหลอดเลือด ควบคุมความดันเลือดและป้องกันการชะลอการอุดตันและแข็งตัวของหลอดเลือดหัวใจได้



ล้างน้ำพร้อมต้มครับ


ต้มในน้ำเติมน้ำ 2.5 ลิตร เคี่ยวไฟปานกลางนาน 15 นาทีครับ
รอให้อุ่นๆ ยกกรอง ที่เหลือใส่ขวดแช่ตู้นะครับ


จะได้ยาน้ำสมุนไพรที่มีรสชาติดีมาก สีสวย ทานง่ายมากครับ


นุชาหวังว่าบทความนี้จะเป็นบทความที่มีประโยชน์ต่อผู้สนใจการรักษาสุขภาพจากการทานสมุนไพร
ติดตามการเคลื่อนไหวการดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ปลอดภัยที่สุด ในราคาเบาๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/happynuchaShop
ขอบคุณครับ


  เอกสารอ้างอิงสรรพคุณสมุนไพร :
  • เอกสารเผยแพร่เรื่อง การใช้ยาระบาย. กลุ่มพัฒนาระบบ กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. http://www.oryor.com/oryor/admin/module/fda_info/file/f_39_1171707297.pdf
  •  มะขามแขก. องค์การเภสัชกรรม http://www.gpo.or.th/herbal/senna/senna.htm
  • มะขามแขก. สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน. หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ณ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. http://www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/index.asp
  • Assessment of large bowel motility by cine magnetic resonance imaging using two different prokinetic agents: a feasibility study. Invest Radiol. 2005 Nov;40(11):689-94.
  • Clinical Study of Senna Administration to Nursing Mothers Assessment of Effects on Infant Bowel Habits. Can Med Assoc J. 1963 September 14; 89(11): 566–568.
  • http://www.ir-beautina.com/Kekhuay.php
  • http://lowfatmart.tripod.com/drug_p4.html
  • http://www.m-culture.in.th/album/view/189499/